安和美醫美外科診所丁醫師評價：削骨是將骨骼磨平、切割或移動調整－yh6t1hampri的部落格

一進門口就看到執照了，讓人感到安心，做了隱形縮鼻翼真的很不錯，問了別家都開在臉上大大傷口。但這家不是喔！醫生手術過程溫柔不痛喔！把我傷口藏起來了！推薦囉～而且還可以月繳分期很方便，雖然裝潢沒有很新穎但是有不錯的技術，推薦給大家完美的臉部線條，取決於骨骼與軟組織；安和美醫美醫院丁院長認為，我不要有國字臉，推薦削骨整形，帶來上週本台專訪「640i M Sport換引擎帳單債權催收》短期打工方法
」這個議題後。同時也是台北陰莖增大安和美醫美外科診所建議，完美的臉部線條，取決於骨骼與軟組織；骨骼太過突出或是軟組織（脂肪、肌肉等）過度肥厚，會造成大餅臉、國字臉、戽斗等情況產生。

台北市丁姓醫美醫師推薦，由軟組織造成的輪廓問題，可藉助抽脂或施打肉毒桿菌，就能有良好的改善效果；但若是由骨骼造成的臉部線條問題，就必須藉助削骨來矯正。削骨是將骨骼磨平、切割或移動調整，屬於整形項目裡的「大手術」，所以醫師與醫院的選擇絕對不可輕忽。

安和美醫美醫院丁院長

醫美診所丁姓醫師提議，也就是說，即使您的五官長得再好，但是五官的組合不協調，您並不能給人留下漂亮的印象。普遍認為鼻尖、嘴唇、下巴頦成一條直線是屬於漂亮的側面形象。一般女性來說，尤其是東方女性崇尚的是瓜子臉或鵝蛋臉。丁姓醫美名醫建議，完美的臉部線條，關鍵在於骨骼與軟組織；骨骼太過突出或是軟組織（脂肪、肌肉等）過度肥厚，會造成大餅臉、國字臉、戽斗等情況產生。對男性而言，尚能稱得上性格有型，愛美的女性朋友們如果骨頭過分突出，較難擁有完美輪廓。

丁斌煌提議，醫學美容改變臉型的方式大約有三種：削骨手術、施打肉毒桿菌、抽脂手術。以國字臉嚴重的患者來說，選擇削骨方式改變臉型沒有效期的問題，手術時間約2至3個小時，術後的恢復時間大約7至14天。由於傷口位在口腔內黏膜，待傷口修復癒合後不會影響正常生活，就此順利擺脫方臉的命運。

安和美醫美外科診所丁醫師評價表示，至於愛吃口香糖、或是長期慣用單邊咀嚼，導致腮幫子肌肉組織肥厚的民眾，可以選擇相對溫和的注射肉毒桿菌，不需麻醉，手術時間極短只有20分鐘，且沒有手術切口、無須恢復期、快速見效。缺點是僅能維持半年左右，隨著時間慢慢失效而「打回原形」。

安和美醫美外科診所認為，此類患者可考慮骨頭突出的女性，在面相上容易給人不親切、難相處，甚至苦命感，穿衣服也無法選擇高領的款式，只會突顯國字臉臉型，建議此類患者可考慮削骨磨骨手術，針對上顎、顴骨、下顎、下巴的削骨整形手術矯正，至於想要雕塑臉型的民眾，透過施打肉毒桿菌、抽脂，即能達到小臉效果。

安和美丁醫師評價覺得，最後一種是抽脂手術，通常此類患者的皮下脂肪特別肥厚。因手術動刀的切口藏於耳後，讓患者可用頭髮覆蓋遮掩，恢復期需7天左右，適合肉多且須妥善處理軟組織的患者，骨頭突出型的患者並不適合；術後保養恢復期14天建議清淡飲食為主，減少過度咀嚼與刺激性食品，避免腫脹出血，用耐心迎接高回頭率面相。

立即免費諮詢醫師

請加入諮詢LINE

หัวเว่ยเปิดตัวโครงการ FPGGP Acceleration Program มุ่งผลักดันอุตสาหกรรมการเงินทั่วโลกให้มีความดิจิทัลและชาญฉลาด

เซินเจิ้น จีน, 7 มิถุนายน 2567 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ -- หัวเว่ย (Huawei) ประกาศเปิดตัวโครงการ Financial Partner Go Global Program (FPGGP) Acceleration Program ในระหว่างการประชุม HiFS Frontier Forum ประจำปี 2567 หัวเว่ยหวังที่จะทำงานร่วมกับพันธมิตรที่สั่งสมประสบการณ์มาอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยมุ่งเน้นไปที่สถานการณ์สำคัญในการพลิกโฉมอุตสาหกรรมการเงินโลกสู่ยุคดิจิทัล พร้อมผนึกกำลังผู้เข้าร่วมโครงการและหลอมรวมขีดความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เปิดโอกาสให้หัวเว่ยและพันธมิตรได้เข้ามาสนับสนุนการพลิกโฉมและยกระดับลูกค้าในอุตสาหกรรมการเงินตลอดวงจรชีวิต ไม่ว่าจะในเรื่องการให้คำปรึกษา โซลูชัน ไปจนถึงบริการต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้ประโยชน์ไปด้วยกัน

Jason Cao รองประธานของหัวเว่ย และซีอีโอหน่วยธุรกิจการเงินดิจิทัลของหัวเว่ย เปิดเผยว่า หัวเว่ยมีความมุ่งมั่นในการสร้างระบบนิเวศระดับโลกเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการเงินดิจิทัล ครอบคลุมทั้งพันธมิตรระดับแถวหน้าของโลก ผู้ที่มีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมท้องถิ่น และผู้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ รองรับสถานการณ์เฉพาะกลุ่ม "หัวเว่ยได้ผนึกกำลังกับบรรดาพันธมิตร เพื่อพัฒนาโซลูชันล้ำสมัยรองรับสถานการณ์ต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมหลัก 8 สถานการณ์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) โครงสร้างพื้นฐาน ไปจนถึงแพลตฟอร์มระบบแอปพลิเคชัน ธุรกรรมทางธุรกิจหลักไปจนถึงแอปพลิเคชันบิ๊กดาต้า และจากการธนาคารไปจนถึงการประกันภัยและหลักทรัพย์"

โครงการ FPGGP เปิดตัวครั้งแรกในปี 2564 โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานั้น โครงการ FPGGP ได้ทำงานร่วมกับพันธมิตร 11 ราย เพื่อส่งมอบโซลูชันและพลิกโฉมทางดิจิทัลให้กับลูกค้าในภาคการเงินกว่า 20 รายใน 14 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก

ปัจจุบัน โครงการนี้มีพันธมิตรเข้าร่วม 24 รายในจีน ในจำนวนนี้ได้กลายเป็นสมาชิกสภา 6 ราย ได้แก่ Sunline, Tongdun Technology, Netis, Wallyt, Sinosoft และ Chinasoft International

ด้าน Roger Wang รองประธานหน่วยธุรกิจการเงินดิจิทัลของหัวเว่ย และประธานฝ่ายความร่วมมือระดับโลก เปิดเผยว่า หัวเว่ยยึดมั่นในกลยุทธ์ "พันธมิตร + หัวเว่ย" พร้อมเดินหน้าผนึกกำลังกับพันธมิตรทางการเงินชั้นนำทั่วโลกเพื่อประสบความสำเร็จไปด้วยกัน ทั้งยังมอบโซลูชันที่เป็นเลิศ ขีดความสามารถในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ และแนวปฏิบัติที่โดดเด่นร่วมกับพันธมิตร โดยโครงการ FPGGP Acceleration Program หวังที่จะเร่งความก้าวหน้าในการพลิกโฉมภาคการเงินสู่ยุคดิจิทัลอย่างชาญฉลาดใน 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่

1. เชิญชวนพันธมิตรที่มีความสามารถระดับโลกให้มาร่วมโครงการ FPGGP เพื่อให้การสนับสนุนที่ครอบคลุมแก่ลูกค้าของเราตลอดเส้นทางธุรกิจ ตั้งแต่การให้คำปรึกษาและโซลูชันต่าง ๆ ไปจนถึงบริการและการดำเนินงาน

2. พัฒนาโซลูชันใหม่ ๆ รองรับสถานการณ์ต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมการเงิน ตามความต้องการของลูกค้าในการพลิกโฉมสู่ยุคดิจิทัลอย่างชาญฉลาด

3. ยกระดับการเชื่อมโยงและความร่วมมือระหว่างพันธมิตรในเครือข่าย

ณ เดือนพฤษภาคม 2567 หัวเว่ยได้เข้ามาให้บริการลูกค้าในภาคการเงินมาแล้วกว่า 3,600 รายในกว่า 60 ประเทศและภูมิภาค ในจำนวนนี้เป็นธนาคารชั้นนำระดับท็อป 100 ของโลกถึง 53 แห่ง